ระบบควบคุมการเข้า-ออก (Access Control) 

ติดตั้งกับไมนิคส์

• บริการหลังการขาย 20 ปี 
• มี Call Center ให้คำปรึกษา (ทุกวันจันทร์ถึงวันเสาร์)

ระบบควบคุมการเข้า-ออก (Access Control System) คือ ระบบที่ออกแบบมาเพื่อควบคุมและจำกัดการเข้าถึงพื้นที่ สิ่งของ หรือข้อมูลที่สำคัญภายในอาคารหรือสถานที่ต่างๆ โดยอนุญาตให้เฉพาะบุคคลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงได้

องค์ประกอบหลักของระบบควบคุมการเข้า-ออก:

1. อุปกรณ์ระบุตัวตน (Identification Device):
   • บัตร (Card): บัตร proximity, บัตร smart card, บัตร magnetic stripe
   • รหัส (PIN): รหัสตัวเลขที่ผู้ใช้ต้องป้อน
   • ข้อมูลชีวภาพ (Biometrics): ลายนิ้วมือ, ม่านตา, ใบหน้า, เสียง
2. เครื่องอ่าน (Reader): อุปกรณ์ที่อ่านข้อมูลจากอุปกรณ์ระบุตัวตน เพื่อยืนยันตัวตนของผู้ใช้
3. ตัวควบคุม (Controller): อุปกรณ์ที่ประมวลผลข้อมูลจากเครื่องอ่าน และตัดสินใจว่าจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้เข้าถึง
4. อุปกรณ์ล็อค (Lock): อุปกรณ์ที่ควบคุมการเปิด-ปิดประตูหรือทางเข้า-ออก เช่น กลอนไฟฟ้า, แม่เหล็กไฟฟ้า
5. ซอฟต์แวร์ (Software): โปรแกรมที่ใช้ในการจัดการระบบ ตั้งค่าสิทธิ์การเข้าถึง, บันทึกข้อมูล, และรายงาน

ประเภทของระบบควบคุมการเข้า-ออก:

• Standalone: ระบบที่ทำงานอิสระ ไม่เชื่อมต่อกับระบบอื่น เหมาะสำหรับสถานที่ขนาดเล็ก
• Networked: ระบบที่เชื่อมต่อกันเป็นเครือข่าย สามารถจัดการจากศูนย์กลางได้ เหมาะสำหรับสถานที่ขนาดใหญ่
• Cloud-based: ระบบที่ทำงานบนคลาวด์ สามารถเข้าถึงและจัดการได้จากทุกที่ที่มีอินเทอร์เน็ต

การทำงานของระบบควบคุมการเข้า-ออก:

1. ผู้ใช้แสดงอุปกรณ์ระบุตัวตนต่อเครื่องอ่าน
2. เครื่องอ่านส่งข้อมูลไปยังตัวควบคุม
3. ตัวควบคุมตรวจสอบข้อมูลและสิทธิ์การเข้าถึง
4. หากได้รับอนุญาต ตัวควบคุมจะส่งสัญญาณไปยังอุปกรณ์ล็อคเพื่อเปิดประตู
5. ข้อมูลการเข้า-ออกจะถูกบันทึกไว้ในระบบ

ประโยชน์ของระบบควบคุมการเข้า-ออก:

• เพิ่มความปลอดภัย: ป้องกันการบุกรุกจากบุคคลภายนอก
• ควบคุมการเข้าถึง: กำหนดสิทธิ์การเข้าถึงพื้นที่หรือข้อมูลต่างๆ ให้กับผู้ใช้แต่ละคนได้
• บันทึกข้อมูล: เก็บข้อมูลการเข้า-ออกของผู้ใช้ เพื่อตรวจสอบย้อนหลังได้
• ลดต้นทุน: ลดค่าใช้จ่ายในการจัดการกุญแจและการรักษาความปลอดภัย
• เพิ่มประสิทธิภาพ: ทำงานร่วมกับระบบอื่นๆ ในองค์กรได้ เช่น ระบบกล้องวงจรปิด

ข้อควรพิจารณาในการเลือกระบบควบคุมการเข้า-ออก:

• ขนาดของสถานที่: เลือกระบบที่เหมาะสมกับขนาดและความซับซ้อนของสถานที่
• ความต้องการด้านความปลอดภัย: พิจารณาความเสี่ยงและความสำคัญของพื้นที่หรือข้อมูลที่ต้องการปกป้อง
• งบประมาณ: กำหนดงบประมาณที่เหมาะสมและเลือกระบบที่คุ้มค่าที่สุด
• ความสะดวกในการใช้งาน: เลือกระบบที่ใช้งานง่ายและมีการสนับสนุนที่ดี